January 19, 2016 at 11:37 am | Posted in สำหรับพยาบาลไทย, Myself, Uncategorized | 1 Comment
Happy day and Happy another year to everyone, every soul and every awareness in this word, It is 2016.
I have learned and experienced life in many different ways that could be similar or different from other people. However, whatever way I experienced or you have experienced we live in the same conditional world. We mostly percive what we see as a reality or true as what our experience and our intelectual ability telling us as true to ourselves. Interestingly, the truth that we belive it is may not be so true.
We believe in what society sets a pathway to guide our thinking, our plan and our action. What if we do not do , think and follow the mojority in the society? Do the mojority really belive that we are really in the right path?
I could have raised my self awareness into different level. I feel like when we understand that nothing is certain, nothing could have cause any mental suffering anymore. Understanding and experiencing uncertainty in life that evolves everyhour, day and year I look at life as watching a movie. Seeing individual goes on with daily life , there is some changes as time moving to future. How meaningful changes are to our life, our human races and our existing in this planet.
The BIG question! Why are we here?
I once listen to the Enstein documentary ” If the speed of the vehicle that we are in is the same speed as light, we will see the clock ‘s hand stops moving.” Does time really exist?
One single thought of Buddhism ” When someone could see their own past life and future life, what speed of thought(mind) of person at that time and how electrical activity in brain exhibits and how fMRI would show ( for science purpose of explanation).
If we could raise our awareness beyond what we see and what we been taught to believe and to do, we could not having too much suffering and too much fighting.
Once I read the biography of the Buddhism monk who is believed to reinvent the old school Bhuddism in Thailand , he was born 146 years ago. He was believed to attain ” Enlightenment “. One of his disciples asked him ” Your master you have found this to be the best ultimate truth that human can achieve and must achieve to eliminate all suffering and get out of wattasongsar ( the cycle of reborn in many existing dimension in the universe), why can not you share this knowledge and wisdom with the world?” I had the same doubt as the monk who asked the question when I read the book, then I realised later on that there is no way all human in this world can take it and understand it.
The master simply answered that most people in this world are too crazy and people do not have an ability to take it. It took me many years to understand his words. I thought he should have a bigger heart ( loveing compassion: metta and garoona) toward us, however I then realized that he taught many of his disciples to follow his path and many became like him. They carry on in teaching the Buddhism in the way the Gottama Buddha taught which the great master also used to teach us. Laungphu MUNN is the greatest master of the forest Thai monk.
Human life expectancy is not long enough to gain this wisdom in one life time, so being born and died are not the end of our existing in Buddhism. Whatever people choose to believe it is their choice. There are 2 groups of human in term of how they can be taught. This is categorized by the Buddha. One is a teachable and another one is unteachable. The unteachable one we have to let them be and give them a loving compassion heart and care as we could.
This planet is so beautiful and suitable for us to live, however we are so unappreciated what we have. Human desires are demolizing our home planet. Many of us have a big heart with an empty hole in it, non of any material can full fill that hole.
I wish for all of us to raise our awareness to the next level, to help supporting others to be and to do the same.
May the lord Buddha take care of every being in this planet earth.
PS: I have experienced some computer glitches , so I reposted a full content of my written post today. Enjoy reading!
June 25, 2015 at 1:04 pm | Posted in สำหรับพยาบาลไทย, Thai Nurses | 2 Comments
Tags: Please feel free, research project
Please feel free to ask me questions if any of you cannot find the answers anywhere else. I have not got time to post anything lately as I am quite busy with my research project, and I will be continued being busy for many months to come.
Any questions being posted here will be sent to my personal email everytime even I donot log in to my blog I do know statistics of my blog.
Happy to help👩
January 31, 2014 at 10:04 pm | Posted in สำหรับพยาบาลไทย | 10 Comments
การไปทำงานเมืองนอกทำให้คนเราเห็นโลกที่กว้างขึ้น ถ้าคนที่ชอบท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้ไปไหนไหนได้ทั่วโลก เพราะงานที่ทำโดยส่วนมากให้ค่าตอบแทนเงินเดือนสูงกว่าที่เคยอยู่หรือเคยทำ การหาที่แหล่งท่องเที่ยวก็หาง่ายทางออนไลน์ ส่วนมากการสื่อสารก็เป็นทางอินเตอร์เนต อะไรก็รวดเร็วไม่ต้องรอ
จากที่เขียนบลอกมาหลายปี และจากประสบการณ์การทำงานที่ออสเตรเลีย ไม่ว่าพยาบาลมาจากประเทศไหนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลในการสื่อสารในประเทศ ทุกคนต้องมาเรียนรู้หลักการใช้ภาษาในการสื่อสารทั้งนั้น ผู้เขียนพบเพื่อนร่วมงานที่มาจากหลายๆประเทศที่ต้องมาเรียนภาษาอังกฤษแล้วสอบให้ผ่านเกณฑ์ ทุกคนมีประสบการณ์คล้ายๆกัน รู้เป้าหมายที่สำคัญคือสอบให้ผ่าน และนำไปใช้ให้เป็น การพูดภาษาอังกฤษถ้าเรามาเรียนเมื่อโตแล้วเราจะเปลี่ยนสำเนียงยากมาก การสื่อสารการออกเสียงของคนไทยเราจะไม่เหมือนเจ้าของภาษาได้ทุกคำทุกประโยค แต่เราสามารถที่จะสื่อสารได้เข้าใจและเฉียบพลัน มีพยาบาลมาจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ และ สกอตแลนด์ ซึ่งพูดภาษาอังกฤษเหมือนกันแต่สำเนียงต่างกัน บางทีเขาพูดเราต้องตั้งใจฟังเป็นอย่างมากถึงจะจับใจความได้ อาจเป็นเพราะสำเนียงต่างจากออสซี่ คนออสเตรเลียพูดเร็วกว่าคนอเมริกา เสียงเหมือนจะขึ้นนาสิกด้วย เวลาฟังคนอเมริกาพูดฟังง่ายกว่า เขาพูดกันช้าโดยส่วนมาก แล้วภาษาอังกฤษออสเตรเลียมีเสียง ชวาเยอะ เช่นคำว่า ทูเดย์ เขาออกเสียงทะเดย์
คำบางคำบางทีเราก็ออกเสียงไม่ได้ดี อาจเป็นเพราะเราไม่มีอักขระในภาษาเรา อย่าง TH ไม่มีในภาษาเรา และ R ในภาษาอังกฤษจะออกเสียงไม่ใช่ ร การกระดกลิ้นไม่เหมือน ร ผู้เขียนเป็นคนไม่ชอบพูดแต่ถ้าพูดแล้วจะพูดเร็วและพูดไม่หยุด จะคิดเราแล้วเวลาพูดจะพูดให้ทันที่คิด บางทีเพื่อนร่วมงานก็บอกให้พูดช้าๆ มีอะไรในสมองเยอะ เวลาพูดแล้วต้องพยายามคิดว่าคนฟังจะเข้าใจไหม ลูกสาวจะเป็นคนชอบพูด ชอบคุย จนครูเขาตั้งสมญานามให้ a chatting box ตอนที่เขาเรียนป.๔
ประเทศไหนเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุด คำตอบคือ ประเทศไทย ประเทศไหนที่น่าเดินทางไปทำงานที่สุด ก็แล้วแต่ว่าคนที่อยากไปมองหาอะไรในชีวิต
เงิน งาน ประสบการณ์ มีเพื่อนมาคุยกันว่า ประเทศไหนได้เงินเดือนเยอะ สวัสดิการดี ค่าครองชีพต่ำ สังคมน่าอยู่ อากาศไม่หนาวมากกก
ออสเตรเลีย อากาศดี บางรัฐอากาศคล้ายบ้านเรา สังคมคล้ายบ้านเรามีคนเอเซียอยู่เยอะไม่เหงา มีวัดวาอารามเยอะ สำหรับคนชอบไปวัด เงินเดือนดี ค่าครองชีพ และภาษีแพง สวัสดิการการทำงานดี ค่ารักษาสุขภาพฟรี แต่ปัญหาสังคมเยอะ เยอะกว่าบ้านเราโดยส่วนรวม คนไข้โรคจิตมีจำนวนเยอะกว่าบ้านเราเทียบกับจำนวนประชากร คนฆ่าตัวตายแล้วประสบความสำเร็จ คือได้ตายดังใจมีจำนวนพอพอกับคนตายจากอุบัติเหตุทางการจราจรช่วงสงการณ์บ้านเรา ก็หลักพันกว่าต่อปี โดยส่วนมากที่เห็นจะเป็นคนขาวที่ทำ คนที่พยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็มีเยอะ มีทั้งวัยรุ่น วัยกลางคน และคนแก่ โดยส่วนมากเป็นกลุ่ม ๒๐ ถึง ๔๐ ปี เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาผู้เขียนเห็นมามากกว่าสิยรายที่มาที่ไอซียู ได้ดูแลสี่ราย มีโอกาสและเวลาแนะนำสองรายให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับศาสนาพุทธ ที่เขียนโดยหลวงพ่อสุเมโธ คนหนึ่งบอกว่าเมื่อเขาแก้ปัญหาติดยาเสพติดได้แล้วเขาจะกลับไปเมืองไทยเพื่อศึกษาศาสนาพุทธ เขาเคยอยู่ที่พัทยาเป็นเวลา หก ปี
อีกคนเป็นผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าปีมีลูกสาวด้วยสี่ขวบ เลิกกับแฟน เขามีงานการทำเป็นหลักแหล่ง เราก็คุยกับเขาแลัวให้แฟมเพล็ตเกี่ยวกับวัดป่านานาชาติให้เขาเอาไปอ่าน ส่วนมากผู้หยิงจะกินยาเกินขนาดมา ผู้ชายกินยาเกินขนาดก็มี มีแบบกินยาฆ่าหญ้า กินสารผสมสีเมธานอลมาก็มี ที่ผูกคอตายก็มี บางรายก็เป็นฆาตรกรรม มาตายที่โรงพยาบาล
เคยคุยกับพยาบาลไอซียูที่เยอรมัน เขาตกใจเมื่อเราบอกสถิติให้ฟัง เขาบอกว่าเขาไม่อยากเชื่อ ที่เยอรมันส่วนมากที่ทำก็มีแต่คนแก่เพราะเขาเบื่อที่จะอยู่แล้ว
คุยกับสามีบ่อยครั้งเรื่องปัญหาสังคมที่นี่ เขาบอกว่าสังคมที่นี่ขาดความพอดี คนไม่มีความห่วงใยและเอื้ออาทรต่อกัน ทุกอย่างมีแต่กฏหมายมาบังคับคนเลยไม่มีทางออก คนเห็นแก่ตัวในเชิงไม่เอาเป็นธุระถ้าไม่ใช่หน้าที่ที่เขียนไว้ในกฏระเบียบ แต่คนออสเตรเลียโดยส่วนมากก็เป็นคนดี เขารับผิดชอบตัวเองได้ดี มีส่วนน้อยที่เขาอาจทนสภาวะสังคมไม่ได้ หาทางออกไม่ได้เขาเลยไม่อยากอยู่ เราพบเจอเราก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ สะสมความดี มีเมตตาต่อเขา
ประเทศสหรัฐอเมริกาเคยคุยกับเพื่อนที่ภรรยาเขาเป็นคนอเมริกา เขาแต่งงานช่วง จีเอฟซี แฟนเขาเลยมาอยู่กับเขา เห็นวางแผนที่จะกลับอเมริกาในอนาคต ตอนนี้เท่าที่รู้ค่าครองชีพที่อเมริกาถูกกว่าที่ออสเตรเลีย อากาศแปรปรวนมากกว่าออสเตรเลีย การทำงานสวัสดิการไม่ดีเท่าออสเตรเลีย ค่าแรงเท่าๆกัน หรืออาจจะต่ำกว่าออสเตรเลียเล็กน้อย ภาษีจะถูกกว่า การรักษาพยาบาลฟรีโดยจ่ายประกันสุขภาพร่วมกับนายจ้าง ซึ่งออสเตรเลีย ถ้ามีรายได้สูงต้องเสียภาษีสุขภาพเพิ่มอีกสองภาษี คนที่ไม่ต้องทำงานไม่ต้องเสียอะไร
ที่เนเธอร์แลนด์ พี่สะใภ้ของเพื่อนเป็นพยาบาลอินเดียทำงานที่นั่น เขาเปรียบเทียบให้ฟังว่าดีกว่าออสเตรเลีย เราก็ไม่รู้ว่าดีขนาดไหน
ที่เยอรมัน มีคนรู้จักไปอยู่ที่นั่นทำงานสอนภาษาอังกฤษ เขาเป็นออสซี และแฟนเขาทำงานกับบริษัทพลังงาน เขาบอกว่าเขาชอบ work ethic ของคนเยอรมัน และความเป็นประเทศนิยม คนเสียสละลดขั้นลดเงินเดือนเพื่อให้ประเทศอยู่รอด ทำกันหมดรวมทั้งนักการเมืองช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ โดยภาพรวมประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่น่าเอาเป็นแบบอย่างหลายอย่าง เช่นทางเทคโนโลยี่ทางการแพทย์ เครื่องมือทางการแพทย์หลายอย่างที่มีคุณภาพระดับโลกผลิดที่เยอรมันหรือเป็นเจ้าของโดยคนเยอรมัน เช่นเครื่องช่วยหายใจ เครื่องล้างไตเทียม คนเยอรมันโดยส่วนมากทำงานดี รักงาน ทุ่มเทชีวิตให้กับงาน
นอร์เวย เป็นประเทศที่ร่ำรวยมากในยุโรป ประชากรไม่ถึงสิบล้านคน เงินคงคลัง เงินสะสมของพลเมืองสูง ทุกคนมีเงินเก็บเพื่ออนาคตโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าหกล้านบาทไทย เป็นข้อมูลเดือนนี้(มกราคม ๒๕๕๗) เพราะนอร์เวยส่งออกน้ำมันเยอะ มีเพื่อนรุ่นน้องที่เคยทำงานร่วมกันที่เมืองไทยกว่าสิบปี ไปอยู่ที่นอร์เวย เป็นพยาบาลอยู่ที่นั่น เขาดูพึงพอใจกับงานที่เขาทำและวางแผนจะรีไทร์ที่บ้านเรามุกดาหาร การเป็นพยาบาลที่นอร์เวยจะง่ายกว่าหลายๆประเทศ ไม่ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยาก แต่ก็เหมือนกันคือต้องสอบภาษาให้ผ่าน การสอบภาษามีสองระดับ B1 และ B2 ถ้าผ่านระดับแรก ก็สามารถที่จะหางานเป็นพยาบาลที่บ้านพักคนชราหรือชุมชนได้ แต่ถ้าต้องการทำงานที่โรงพยาบาลต้องผ่านระดับสองหรือแอดวานส์ ซึ่งยากขึ้น รายได้ดี สวัสดิการดีทุกอย่าง แต่ค่าครองชีพสูงและอากาศหนาวมากเกือบทั้งปี สำหรับคนที่สนใจเรียนภาษานอร์เวย์สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ http://www.babbel.com
ที่อังกฤษ สก๊อตแลนด์ และไอร์แลนด์ มีพยาบาลจากประเทศเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาที่ออสเตรเลียในระยะห้าปีที่ผ่านมาเยอะมาก ที่ไอซียูที่ผู้เขียนทำอยู่มีพยาบาลมาจากต่างประเทศเกือบครึ่ง จากทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบคน ซึ่งจากข้อมูลที่เห็นทำให้เข้าใจว่าสถานการณ์ที่ออสเตรเลียคงดีกว่าหลายๆด้านจึงทำให้คนอพยพถิ่นฐานมาอยู่
ไม่ว่าใครจะเลือกไปทำงานหรืออยู่ที่ไหน ก็ควรหาข้อมูลให้แน่ชัดและปฏิบัติให้ได้ตามเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้ ผู้เขียนอยากไปหลายๆประเทศเพื่อจะได้เห็นและมีประสบการณ์ในการทำงานกับเพื่อนร่วมงานหลากหลายและในระบบบริการสุขภาพที่แตกต่าง แต่ชีวิตมนุษย์เราไม่ยืนยาวพอที่จะให้เราได้ทำทุกอย่างตามใจเราปรารถนา ฉะนั้นเราก็ควรเลือกทำในสิ่งที่ควรจะเป็นไปได้เท่านั้นและสิ่งนั้นก็ควรจะเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติที่เราอาศัยอยู่ ที่สำคัญอย่าเบียดเบียนผู้อืนเพื่อให้ตัวเองได้ดี การรู้สำนึกในสิ่งที่มี หรือสิ่งที่ได้รับมาจะทำให้เราเป็นมนุษย์ทีกำลังพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ก็ขอให้ผู้อ่านทุกคนมองเห็นหนทางที่จะเลื่อก และเลื่อกหนทางที่เหมาะกับตนเอง ขอให้โชคดีทุดคนนะคะ
อริศรา
January 10, 2014 at 11:36 pm | Posted in Australia, สำหรับพยาบาลไทย | Leave a comment
การบริการแบบสุขภาพแบบทั่่วถึง
Universal health care
The Australian health system is world class in both effectiveness and efficiency: Australia consistently ranks in the best performing group of countries for healthy life expectancy and health expenditure per person (World Health Organization, 2010). Medicare is Australia’s universal public health system, providing free public hospital care and subsidies for primary care. Medicare ensures that all Australians have access to
a broad range of quality health services. The Australian Government provides significant financing for the health system, working closely with state and territory governments with responsibility for on-the-ground delivery of hospital services. A private health sector complements the public system.
The Australian population has a generally good health status, with an average life expectancy at birth of 81.8 years (79.5 for men and 84 for women), one of the highest in the world. There are some groups with poor health status, and closing the gap on life expectancy for Aboriginal and Torres
Strait Islander peoples is a national priority. Generally the pattern of disease in Australia is similar to that of other developed countries.
The Royal Flying Doctor Service
Since 1928, the Royal Flying Doctor Service (RFDS) has been vital to Australia’s health care system, flying sick people from rural and remote areas to where they can obtain treatment, and providing them with primary health care. Today the RFDS has a fleet of more than 50 aircraft and operates from
21 bases across Australia.
The Royal Flying Doctor Service provides health care across Australia through more than 275,000 patient contacts a year – that’s one person every two minutes!
http://www.yourhealth.gov.au http://www.aihw.gov.au http://www.health.gov.au
January 4, 2014 at 3:02 pm | Posted in สำหรับพยาบาลไทย | 7 Comments
ได้คุยกับเพื่อนร่วมงานที่ภรรยาเขาเดินทางมาจากอินเดีย กำลังหาที่เรียน เขาบอกว่าสำหรับพยาบาลที่มาจากต่างประเทศที่ต้องปรับวุฒิ ตอนนี้มีสถาบันแห่งหนึ่งที่เมลเบริน์เปิดสอนหลักสูตร สองเดือน ค่าเรียน $AUD13,000 เขาบอกว่า ภาษาต้องคะแนน เจ็ดถึงเข้าเรียนได้ จบเร็วก็มีโอกาสทำงานหาเงินได้เร็วขึ้น
สำหรับพยาบาลไทยที่สนใจมาทำงานต่างประเทศ เดี่ยวจะหาข้อมูลที่แน่ชัดมาให้ หลักสูตรนี้เขาจะเปิดปีนี้ เป็นรุ่นแรก
December 11, 2013 at 6:37 am | Posted in สำหรับพยาบาลไทย, Thai Nurses | Leave a comment
เปิดสอนที่มหาวิทยาลัยฟลินเดอร์
Post Registration pathway
Registered Nurse Entry pathway
The Registered Nurse Entry pathway is for students who have current nurse registration in Australia or overseas. The course requires one year of full-time study or the equivalent part-time in the internal mode only.
Applicants must provide documentary evidence of eligibility for registration (for example, a practising certificate) with a nurses’ registration authority in the country in which they originally registered. Professional experience placements are arranged for international students seeking registration with the Nursing and Midwifery Board of Australia.
See also the Bachelor of Nursing (Registered Nurse Entry) course rule.
Course aims
The aim of the Bachelor of Nursing is to prepare comprehensive nurses who are reflective about their practice, have well-developed clinical reasoning skills and can confidently engage in nursing practice in a variety of environments/contexts, and to provide students with the learning opportunities they need to meet the Australian Nursing and Midwifery Accreditation Council (ANMAC) Registered Nurse
Accreditation Standards (2012) and achieve the Flinders University graduate qualities.
Learning outcomes
Graduates of the course are expected to be able to:
- meet the requirements for registration as general nurses with the Nursing and Midwifery Board of Australia
- deliver nursing care as safe and therapeutic practitioners based on justifiable decisions derived from clinical reasoning and the best available evidence, taking account of the broader contexts of health and health care
- base their nursing practice on a holistic understanding of a person’s health status within their social context
- practise with an understanding of knowledge from supporting psychosocial and science disciplines
- critically reflect on their practice
- apply the principles and processes of nursing inquiry
- engage in research activities that promote and improve nursing practice and the profession
- adapt their nursing practice to the requirements of any situation, individual or group
- function as effective members of healthcare teams
- apply the University graduate qualities to their professional lives.
Bachelor of Nursing (Post-registration)
This course rule must be read in conjunction with the Bachelor of Nursing course rule.
Bachelor of Nursing (Registered Nurse Entry pathway)
Program of study
To qualify for the Bachelor of Nursing (Registered Nurse Entry), a student must complete 108 units with a grade of Pass or NGP or better in each topic.
Except with permission of the Faculty Board this pathway must be completed within four consecutive semesters.
A student who fails the professional experience placement component of any topic will receive a Fail grade for that topic. A student may at any time be removed from a professional experience placement for unprofessional behaviour and/or unsafe practice.
Students in this pathway receive 72 units of credit for current nursing registration and prior learning qualifications and undertake the following program
(Note: PEP refers to professional experience placement.)
Core – Year 1 topics
36 units comprising:
NURS1001 Introduction to the Nursing Profession and Independent Learning (4.5 units)
NURS2003 Pathophysiology and Pharmacology (4.5 units)
NURS2006 Clinical Governance and Practice Improvement (4.5 units)
NURS2007 Integrating Theory and Practice (4.5 units)
NURS3002 Advanced Decision-Making and Practice (PEP) (9 units)
NURS3005 Transition to Professional Practice 2 (9 units)
Honours
A student who has completed all the requirements of the Bachelor of Nursing degree, or a qualification which the Faculty Board agrees is equivalent, may be accepted as a candidate for the honours degree providing they have achieved a credit average or better in fulfilling the requirements for the bachelor’s degree.
To qualify for the honours degree, a student must complete satisfactorily 36 units of study within one year full-time or two years part-time.
Refer to the Bachelor of Nursing and the Bachelor of Nursing (Honours).
December 11, 2013 at 6:28 am | Posted in สำหรับพยาบาลไทย | Leave a comment
Bachelor of Nursing (Graduate Entry)
To be read in conjunction with the Bachelor of Nursing.
Graduate Entry pathway
The Graduate Entry pathway is an accelerated program for candidates who hold an approved degree in an area other than nursing. Holders of an approved three-year full-time or part-time equivalent, higher education diploma are also eligible for consideration for admission.
The program of study requires two years of full-time study or the equivalent part-time in the internal mode only.
Program of study
To qualify for the Bachelor of Nursing, a student must complete 108 units with a grade of Pass or NGP or better in each topic.
Students in this pathway receive 36 units of credit for previous tertiary study and undertake the following program.
Except with permission of the Faculty Board the course must be completed within eight consecutive semesters.
A student who fails the practice component of any topic will receive a Fail grade for that topic. A student may at any time be removed from a professional experience placement for unprofessional behaviour and/or unsafe practice.
(Note, PEP refers to professional experience placement.)
Graduate Entry Pathway
Core – Year 1 topics
36 units comprising
NURS1001 Introduction to the Nursing Profession and Independent Learning (4.5 units)
NURS1007 Dimensions of Physical and Mental Health (4.5 units)
NURS2003 Pathophysiology and Pharmacology (4.5 units)
NURS2005 Managing Care in Different Settings (PEP) (9 units)
NURS2006 Clinical Governance and Practice Improvement (4.5 units)
NURS2010 Managing Care in Professional Practice (PEP) (9 units)
Core – Year 2 topics
36 units comprising
NURS3001 Dynamics of Practice 2 (4.5 units)
NURS3002 Advanced Decision-Making and Practice (PEP) (9 units)
NURS3003 Dynamics of Practice 3 (4.5 units)
NURS3004 Transition to Professional Practice 1 (PEP) (4.5 units)
NURS3005 Transition to Professional Practice 2 (9 units)
NURS3006 Transition to Professional Practice 3 (4.5 units)
Honours
A student who has completed all the requirements of the Bachelor of Nursing degree, or a qualification which the Faculty Board agrees is equivalent, may be accepted as a candidate for the honours degree providing they have achieved a credit average or better in fulfilling the requirements for the bachelor’s degree.
To qualify for the honours degree, a student must complete satisfactorily 36 units of study within one year full-time or two years part-time.
Refer to the Bachelor of Nursing and the Bachelor of Nursing (Honours)
December 11, 2013 at 2:16 am | Posted in สำหรับพยาบาลไทย | Leave a comment
ข้อมูลจาก http://www.nursingmidwiferyboard.gov.au
Presiding Member’s message
This year we reduced the application fee for final-year students from $160 to $20.
We also went into public consultation on a range of matters including:
- re-entry to practice – our proposed pathways widen options for formerly registered nurses and midwives seeking to return to their respective profession after a period of absence
- international criminal history checks – part of an all-National Boards consultation, and
- English language and criminal history registration standards – also part of an all-Boards consultation.
Project news
In October, we went to tender for qualified and experienced parties to review the registered nurse standards for practice (currently known as competency standards) and, separately, the models of supervision for privately practising midwives. We look forward to making progress on these projects once submissions are reviewed.
Regional regulatory taskforce
As a member of the South Pacific Chief Nurse and Midwifery Officers Alliance (SPCNMOA), the National Board made progress this year by participating in a new regional Regulatory Taskforce. The Regulatory Taskforce provides the opportunity to explore possible work relating to regional regulatory frameworks; look at country legislations and regulations and understand gaps and barriers in regulation that affect nursing and midwifery services; and explore safety, economic and regulatory issues of unregulated health workers in the South Pacific region.
Board appointment
Pending the Australian Health Workforce Ministerial Council (Ministerial Council) decision on a new health practitioner member for Queensland and a new National Board Chair, the National Board is pleased to confirm an interim appointment. With effect from 20 September 2013, we appointed Ms Mary Kirk as the Deputy Presiding Member. Ms Kirk is the health practitioner member from the Australian Capital Territory.
This temporary appointment remains in place until the Ministerial Council determines a new National Board Chair.
Wishing you a joyous festive season
This is our last newsletter for the year and I take this opportunity to acknowledge and thank our inaugural Chair, Ms Anne Copeland, for her contribution. Ms Copeland finished her term of office on 31 August 2013.
I acknowledge the Chairs and members of the state and territory boards of the NMBA for their dedication and their input to the National Board’s role in decisions about registration and endorsement, as well as to notifications in health, performance and/or conduct as it relates to individual nurses, midwives and students.
I thank all our stakeholders, including the government, community, professional associations, education providers, employers, nurses and midwives for their important contribution to our projects, initiatives and accomplishments during the year 2013.
Thank you especially to all nurses and midwives who wrote to us with feedback on our newsletters this year. We are happy to hear from you.
On behalf of the National Board, I wish you and your families all the best and a prosperous New Year.
2012/13 National Scheme annual report
The 2012/13 annual report of the National Scheme is now published.
Our report details the work of the Nursing and Midwifery Board of Australia and AHPRA in implementing the National Scheme over the 12 months to 30 June 2013.
The report covers outcomes and achievements, including registration standards, guidelines and policies developed or published, in the previous financial year, as well as our priorities for 2013/14.
Our major outcomes and achievements in 2012/13
- The National Board strategic plan 2013–15 that sets priorities for the coming year, incorporating work towards establishing and improving the requirements of nursing and midwifery regulation within the National Scheme.
- Collaboration with international partners, including the signing of a memorandum of understanding to further enhance a collaborative relationship between the National Board and the Nursing Council of New Zealand.
- Review of accreditation function, where we appointed ANMAC as the accreditation authority for nursing and midwifery for a further period of five years until 30 June 2018.
The report reveals that 345,955 enrolled nurses, registered nurses and midwives were registered at the end of June 2013, an increase of four per cent since national registration data was first published in June 2011.
Find out more in the media release on our annual report.
December 11, 2013 at 12:23 am | Posted in สำหรับพยาบาลไทย | Leave a comment
มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดสอนหลักสูตรเทียบเท่าให้พยาบาลต่างประเทศ ในช่วงระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนกฏระเบียบให้เหมาะสมกับสภาพตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้มหาวิทยาลัยมีการปรับเปลี่ยนกฏเกณท์การรับนักเรียนและการสอน มีบางวิทยาลัยเปิดสอนแล้วไม่ได้มาตรฐานก็ถูกสั่งปิด โดยส่วนมากเป็นโรงเรียนสอนภาษาที่ซิดนีย์และเมลเบอร์น ถ้าจะเรียนที่ไหนก็ให้หาข้อมูลดีๆก่อน ไม่จำเป็นต้องใช้เอเยนเพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ยกเว้นว่ามีเงินเหลือเฟือที่จะจ่ายเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง
สามารถหาข้อมูลได้ที่ <strong>www.flinders.edu.au and http://www.unisa.edu.au and http://www.adelaide.edu.au</strong> ยังมีหลายมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน แต่ที่อดิเลดจะมีที่อยู่อาศัยที่ดีกว่าและค่าครองชีพที่ถูกกว่า ตอนนี้เท่าที่ทราบเป็นการส่วนตัวมีพยาบาลไทยและนักเรียนไทยมาเรียนที่นี่หลายสิบคนบางส่วนเป็นนักเรียนทุนรัฐบาล มีเพื่อนรุ่นเดียวกันกับดิฉันที่เรียนจบแล้วทำงานที่นี่ และบางส่วนกลับเมืองไทยไปใช้ทุนรัฐบาล ต้องสอบถามไปที่มหาวิทยาลัยโดยตรงเพราะบางทีมหาลัยก็เปลี่ยนโปรแกรมการสอนให้เข้าแบบกับงบประมาณของรํฐบาลและจำนวนนักศึกษา
หลักสูตรที่ดิฉันเรียนเมือ ๙ ปีก่อน ตามข้อมูลข้างล่าง มีเพื่อนที่ทำงานช่วยดูแลนักศึกษาที่นั่นด้วย
<strong>the University of South Australia’s Australian Registered Nurse Training Program (ARNTP)</strong> is a non-award professional certificate for registered nurses who already hold a diploma or degree in nursing. Since its inception in 2003, more than 340 overseas educated registered nurses have successfully completed the ARNTP and registered with the Nursing and Midwifery Board South Australia (nmbSA).
The shortage of registered nurses in South Australia and interstate has provided many opportunities for our graduates to gain employment.
Program Aim
This program prepares overseas qualified registered nurses with the knowledge, skills and attitudes to enable them to meet the Australian Nursing and Midwifery Council (ANMC) competency standards to register with the Nursing and Midwifery Board of South Australia (nmbSA) and practice as a registered nurse in the Australian healthcare system.
Professional Recognition
Students who successfully complete the ARNTP will be eligible to apply for registration as a registered nurse with the nmbSA. Overseas qualified nurses who are non-native speakers of English will also need to meet the ANMC English language proficiency standards prior to registration. Please note that as a statutory authority, the nmbSA* reserves the right to change conditions of registration and the information provided by the University about registration is current as at 20th May 2010.
Length and structure
The ARNTP is offered at the University of South Australia (UniSA) over 18 weeks of full-time study. The program comprises of three courses (18 units):
RN: Professional Issues in Australia,
RN: Nursing Practice,
RN: Professional Practice.
300 hours (6hrs/day x 5 days/week x 10 weeks) of lectures, tutorials, workshops, skills laboratory simulation and self-directed study. 320 hours (8hrs/day x 5 days/week x 8 weeks) of clinical practicum.
Provider: University of South Australia (UniSA)
Country: Australia
Study Options / Duration: Full-time 18 Weeks
Campuses: Adelaide, Australia
International Fees: AU$12,600
Next Page »
Austhaiadviser's Blog 